หลายคนอาจมีประวัติการใช้ยาคุมต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี ในช่วงที่ยังไม่พร้อมมีลูก แต่เมื่อคุณพร้อมที่จะมีลูกแล้วหยุดยาคุมกำเนิดมาหลายเดือน แต่ยังไม่ท้องซักที คุณอาจเกิดข้อสงสัยว่า ยาคุมกำเนิดที่คุณเคยใช้ ส่งผลให้คุณมีลูกยากรึเปล่า? แล้วยาคุมแต่ละชนิดส่งผลต่อการมีลูกอย่างไร วันนี้เรามาหาคำตอบเรื่องนี้กันค่ะ
ยาคุมกำเนิดส่งผลให้คุณมีลูกยากหรือไม่?
จริงๆ แล้วยาคุมกำเนิดมีส่วนผสมของฮอร์โมนที่อาจมีผลต่างๆ ต่อร่างกาย แต่ภาวะมีบุตรยาก ไม่ใช่หนึ่งในนั้น มีการศึกษาที่ใหญ่มากการศึกษาหนึ่ง ศึกษาในหญิงที่เคยมีประวัติการใช้ยาคุมกำเนิดมามากกว่า 7 ปี พบว่า หลังหยุดยาคุมกำเนิด หญิง 21.1% สามารถตั้งท้องได้ในเดือนแรก และ 79.4% สามารถตั้งท้องได้สำเร็จใน 1 ปี ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากกลุ่มคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ในหญิงในกลุ่มนี้ มักจะมีช่วงเวลารอเล็กน้อย เพื่อให้ร่างกายกลับมาพร้อมสำหรับการเจริญพันธุ์อีกครั้ง
มีการศึกษาพบว่า การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Estrogen กับ Progestin) ติดต่อกันเป็นเวลานานมากกว่า 5 ปี อาจส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลงได้ ซึ่งเยื่อบุโพรงมดลูกนี้มีความสำคัญต่อการฝังตัวของตัวอ่อน อย่างไรก็ตามเมื่อศึกษาไปเป็นระยะเวลานาน พบว่าโอกาสการตั้งท้องของคนที่กินยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม กับคนทั่วไปไม่ได้แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการที่ใช้ยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้คุณไม่ทราบว่า แท้จริงแล้วประจำเดือนคุณปกติหรือไม่ เนื่องจากการที่คุณใช้ยาคุมกำเนิดเป็นประจำ จะเหมือนเป็นการควบคุมรอบเดือนของคุณอยู่แล้ว ซึ่งรอบเดือนนั้น อาจจะไม่ใช่ของจริง หลังจากที่คุณหยุดยาคุมกำเนิด คุณก็จะเริ่มเห็นรอบเดือนที่แท้จริงของคุณ และอาจพบว่า จริงๆ แล้วคุณมีปัญหาเรื่องของรอบเดือนและการตกไข่ ซึ่งอาจใช้เวลามากขึ้น กว่าที่คุณจะประสบความสำเร็จในการมีลูก
ภาวะไข่ไม่ตกหลังหยุดยาคุมกำเนิด (Not ovulation after birth control)
ตามปกติแล้วประจำเดือนของคุณควรกลับมาปกติ หรือ ไข่กลับมาตก หลังจากที่คุณหยุดยาคุมกำเนิดได้ 1-3 เดือน ถ้าคุณหยุดยาคุมกำเนิดแล้วประจำเดือนยังไม่มา สิ่งที่คุณควรต้องทำเป็นอันดับแรกคือ "ตรวจการตั้งครรภ์" เนื่องอาจคุณมีโอกาสตั้งครรภ์ได้หลังจากที่คุณหยุดใช้ยาคุมกำเนิด
หลังจากที่คุณหยุดใช้ยาคุมกำเนิด มีความเป็นไปได้ที่อาจมีระดับยาคงเหลืออยู่ในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้ไข่ ไม่กลับมาตกในช่วงแรกได้
ที่สำคัญ ยาคุมกำเนิดอาจปิดบังภาวะไข่ไม่ตกที่อาจแอบซ่อนอยู่แต่คุณไม่รู้ เนื่องจากยาคุมกำเนด มักจะสร้างรอบเดือนหลอก (Fake cycle) ทำให้คุณมีรอบเดือนสม่ำเสมอ หากคุณมีภาวะไข่ไม่ตก หรือรอบเดือนไม่สม่ำเสมอก่อนหน้าที่คุณจะใช้ยาคุมกำเนิด ก็มีแนวโน้มที่คุณจะกลับเข้าสู่ภาวะไข่ไม่ตก หรือรอบเดือนไม่สม่ำเสมอหลังจากที่คุณหยุดใช้ยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดแบบฉีด (Birth control shot)
โดยปกติรอบเดือนของคุณจะกลับมาปกติหลังจากหยุดฉีดยา 3 เดือน โดยเข้าใจง่ายๆ คือรอบเดือนคุณจะกลับมาปกติภายใน 6-12 เดือน หลังจากการฉีดยาครั้งสุดท้าย เนื่องจากการฉีดยาครั้งนึงจะสามารถคุมกำเนิดได้ 3 เดือน ซึ่งในบางคนอาจต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี กว่ารอบเดือนจะกลับมาเหมือนเดิม ดังนั้น ในคนที่ฉีดยาคุมกำเนิด (DMPA) ควรต้องมีการวางแผนเรื่องการมีลูกให้ดี เพื่อที่จะได้คำนวณเวลาที่จะฉีดยาในรอบสุดท้ายค่ะ
สำหรับยาคุมกำเนิดชนิดฝัง หรือ แบบห่วงอนามัย คุณอาจมีไข่ตกได้หลังจากถอดออก 2-4 สัปดาห์ นั่นก็คือ คุณมีโอกาสท้องได้ทันทีที่ถอดยาคุมกำเนิดออก
ถ้าหยุดยาคุมกำเนิดแล้วยังไม่ท้องควรทำอย่างไรดี?
ถ้าหยุดยาคุม แล้วยังไม่ท้องซักที แล้วคุณคิดว่าสาเหตุเป็นเพราะยาคุมกำเนิด นั่นอาจเป็นความคิดที่ผิดก็ได้นะคะ เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้คุณไม่ท้องมีมากมาย (อ่าน 11 สาเหตุที่คุณไม่ท้องซักที) ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือหาสาเหตุอื่นๆ โดยเฉพาะถ้าคุณพยายามมีลูกมานานมากกว่า 1 ปี ในคนที่อายุน้อยกว่า 35 ปี หรือพยายามมามากกว่า 6 เดือนในคนที่มีอายุมากกว่า 35 ปี
อ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ คงได้คำตอบให้ตัวเองไม่มากก็น้อยนะคะ ถ้าหยุดยาคุมกำเนิดมานาน แล้วยังไม่ท้อง ตอนนี้คงไม่ใช่ผลของยาคุมกำเนิดแล้วค่ะ รีบหาสาเหตุเพื่อทำการแก้ไขนะคะ
ถ้าใครอยากได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ สามารถศึกษาหาความรู้ได้ในหนังสือ E-book "เส้นทางสู่การเป็นแม่ ใน 3 เดือน" เพื่อให้การเดินทางของคุณง่ายขึ้นค่ะ
สั่งวิตามินบำรุงอื่นๆ : https://www.drnoithefamily.com/products
เขียนโดย
Tantawan Jomkwanjai. MD ( พญ. ทานตะวัน จอมขวัญใจ) drnoithefamily
Comments