ในช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอด แม่ๆ อาจต้องเผชิญกับอาการต่างๆ หลายอย่าง ภาวะช่องคลอดแห้ง ก็เป็นภาวะหนึ่ง ที่อาจทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สุขสบาย หรืออาจทำให้มีปัญหาเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ จนอาจให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ วันนี้หมอหน่อยจะมาอธิบายสาเหตุของปัญหาของภาวะช่องคลอดแห้งและแนวทางการแก้ไข เพื่อให้ปัญหานี้ดีขึ้นได้ค่ะ
ภาวะช่องคลอดแห้ง (Vaginal Dryness)
เป็นอาการหรือภาวะภายในช่องคลอดผู้หญิงขาดน้ำหล่อลื่น ทำให้เยื่อบุช่องคลอดขาดความชุ่มชื้นจนเกิดความแห้งกร้าน ซึ่งเกิดจากการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน(Estrogen) ในรังไข่ลดลง ซึ่งทำให้การผลิตน้ำหล่อลื่นในช่องคลอดน้อยลง หรือไม่มีน้ำหล่อลื่นเลย ส่งผลให้มีอาการแห้งและคัน ระคายเคือง ไม่สบายตัว จนกลายเป็นปัญหาแสบ เจ็บ โดยปกติจะเกิดขึ้นกับผู้ที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน แต่ในปัจจุบันเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกวัย โดยเฉพาะในขณะที่ตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดบุตร อาการที่พบได้บ่อยคือ
เกิดตกขาวเป็นประจำ
มีอาการคัน ระคายเคือง และแสบร้อนบริเวณช่องคลอด
มีอาการแสบขณะปัสสาวะ
รู้สึกแสบ เจ็บ ปวดแสบปวดร้อนเวลามีเพศสัมพันธ์ ถ้าช่องคลอดถึงขั้นแห้งหนักมากอาจมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ได้
อาจนำไปสู่การติดเชื้อบริเวณช่องคลอดได้ง่าย
ภาวะช่องคลอดแห้ง แม้บางคนจะมองเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ถ้าปล่อยเรื้อรังอาจส่งผลในทั้งต่อตนเองและครอบครัว
ผลกระทบต่อตนเอง : ทรมานจากอาการแสบเจ็บ ไม่สบายตัว เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ทำให้ความต้องการทางเพศลดลง ไปถึงจุดสุดยอดได้ยากขึ้น อาจมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ได้
ผลกระทบต่อครอบครัว: เมื่อความต้องการทางเพศของผู้หญิงลดลง หรือไม่มีความสุขในการทำกิจกรรมอาจทางเพศทำให้เกิดความไม่เข้าใจในครอบครัว ส่งผลให้เกิดปัญหาครอบครัวตามมาได้
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะการมีช่องคลอดแห้ง
สตรีที่เข้าสู่ช่วงวัยหมดประจำเดือน หรือหลังหมดประจำเดือน
สตรีหลังคลอด หรือให้นมบุตร
ผู้ที่ฉีดหรือทานยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน
ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดรังไข่
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันผิดปกติบางชนิด
การได้รับเคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีบริเวณอุ้งเชิงกราน
ความเครียด
การสวนล้างช่องคลอด
ทำไมจึงเกิดภาวะช่องคลอดแห้งในช่วงตั้งครรภ์ และหลังคลอด?
ในภาวะปกติ บริเวณช่องคลอดจะมีเยื่อบุช่องคลอดที่คอยสร้างน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ มาเคลือบที่บริเวณช่องคลอด ทำให้เกิดความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น ซึ่งการสร้างน้ำหล่อลื่นจะได้รับการกระตุ้นจากฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เป็นหลัก
ในช่วงตั้งครรภ์ จะเกิดความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจสและโปรเจสโตโรน บางครั้งอาจเกิดความไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน ระดับเอสโตรเจนลดลง ทำให้ลดการสร้างน้ำหล่อลื่นบริเวณช่องคลอด ทำให้เกิดภาวะช่องคลอดแห้งได้
ในช่วงหลังคลอด มีการศึกษา หญิงในช่วงหลังคลอดจำนวน 832 คน พบว่า 43% มีปัญหาภาวะช่องคลอดแห้งนานถึง 6 เดือนหลังคลอด (1) ซึ่งก็เปรียบได้กับครึ่งหนึ่งของคุณแม่หลังคลอดที่มีปัญหาในเรื่องนี้
ในช่วงหลังคลอดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสโตโรน (Progesterone) ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการให้นมลูก คือ โปรแลกติน (Prolactin) สูงขึ้น ซึ่งฮอร์โมนโปรแลกตินนี้ จะไปลดการสร้างของฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้ไข่ไม่ตก เสมือนเข้าสู่ภาวะวัยทองชั่วคราว เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ผนังช่องคลอดจะบางลง ทำให้การสร้างสารหล่อลื่นบริเวณช่องคลอดลดลง ส่งผลให้เกิดภาวะช่องคลอดแห้ง มีอาการไม่สุขสบาย หรือมีอาการเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ได้ ซึ่งภาวะนี้อาจเกิดได้นานโดยเฉพาะในช่วงที่ให้นมลูกอย่างต่อเนื่องค่ะ
เทคนิคในการลดอาการช่องคลอดแห้งในช่วงตั้งครรภ์
ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยควรดื่มน้ำเปล่า 2-3 ลิตรต่อวัน เนื่องจากสารหล่อลื่นมีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำ ดังนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งน้ำจะไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารหล่อลื่นนั้นๆ
ทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารกลุ่มที่มีโอเมก้า3 สูง กลุ่มโปรตีน เพื่อช่วยให้เซลล์ผนังมดลูกหนาตัวขึ้น ช่วยให้อาการช่องคลอดแห้งดีขึ้นด้วย
เพิ่มอาหารกลุ่มที่เป็น Phytoestrogen เนื่องจากอาจช่วยให้ระดับเอสโตรเจนในร่างกายสูงขึ้นตามธรรมชาติได้ เช่น ถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง น้ำมะพร้าว
งดการสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้ความเป็นกรด-ด่างของช่องคลอดเสียไป ยิ่งทำให้ช่องคลอดแห้งมากขึ้นไปอีก
หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องคลอด ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม
ใช้สารหล่อลื่นช่วย เวลามีเพศสัมพันธ์ เช่น KY gel หรือ Pre-seed ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ช่องคลอดชุ่มชื้นในช่วงเวลาสั้นๆ
ใช้สารให้ความชุ่มชื้นในช่องคลอด เสมือนการทา Moisturizer ให้ช่องคลอด ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ช่องคลอดมีความชุ่มชื้นได้ยาวนานมากกว่า มีผลดีในระยะยาว โดยผลิตภัณฑ์สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาและช่องทางออนไลน์
ใช้ครีมกลุ่มเอสโตรเจนทา ซึ่งต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ
ผลิตภัณฑ์แนะนำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ช่องคลอด
เจลหล่อลื่นและให้ความชุ่มชื้นให้แก่ช่องคลอด ยี่ห้อ Regelle
Regelle เจลสูตรน้ำ สำหรับใช้ภายในช่องคลอดโดยเฉพาะ เพื่อสร้างความชุ่มชื้น เพิ่มการหล่อลื่นในช่องคลอดอย่างใกล้เคียงธรรมชาติ คืนความสมดุลย์ของกรด-ด่างที่เหมาะสม ไม่เพียงทำให้เกิดสุขภาวะ และความสบายภายในตลอดกิจกรรมระหว่างวัน แต่ยังช่วยให้ความสัมพันธ์ทางเพศเป็นไปอย่างราบรื่นอีกด้วย
ใช้เพียง 1 หลอด ตัวเจลจะออกฤทธิ์นาน 3 วัน จึงช่วยบรรเทาอาการได้ดีกว่าการใช้สารหล่อลื่นทั่วไปที่ชะลออาการได้ชั่วคราว มีส่วนประกอบสำคัญเป็นน้ำบริสุทธิ์ จึงไม่ระคายเคืองในช่องคลอด และไม่ทำปฏิกิริยากับถุงยางอนามัย ปราศจากส่วนผสมของฮอร์โมน จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย
ส่วนประกอบของ Regelle
รีเจลเป็นเจลสูตรน้ำที่มีส่วนประกอบสำคัญคือ น้ำบริสุทธิ์ Ph.Eur. 78.82% w/w กลีเซอรอล น้ำมันแร่ โพลิคาร์โบฟิล ไขมันจากน้ำมันปาล์ม คาร์โบพอล 974P และ กรดซอร์บิก
ไม่มีส่วนผสมของฮอร์โมน สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์ และหญิงที่ให้นมบุตร
สามารถใช้ได้ในหญิงทุกช่วงวัยที่มีปัญหาช่องคลอดแห้ง
Regelle ทำงานอย่างไร?
มอบความชุ่มชื้น หล่อลื่น นุ่มกระชับ ด้วยกระบวนการเพิ่มความชุ่มชื้น 3 ชั้น (TRIPLE ACTION)
ชั้นที่ 1 : เนื้อเจลทำหน้าที่เป็นแผ่นฟิลม์ เคลือบภายในผนังช่องคลอดสร้างความชุ่มชื้นทันทีที่ใช้
ชั้นที่ 2 : เนื้อเจลปล่อยน้ำเข้าสู่ชั้นเนื้อเยื่อ มอบความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นอีกขั้น
ชั้นที่ 3 : ช่วยพลัดเซลล์ผิวเก่าภายในที่ตายแล้วให้หลุดออกไป เผยผิวใหม่ที่ยืดหยุ่นและกระชับ ปรับสมดุลกรดด่างและคงความชุ่มชื้นได้นาน 3 วัน
วิธีใช้ Regelle
สำหรับวิธีการใช้ คือ ให้ใช้ก่อนนอน ทุกๆ 3 วัน
สอดรีเจลเข้าไปในช่องคลอด ในท่านอน หรือชันเข่าขึ้น บีบไล่เนื้อเจลจนหมดหลอด ถ้าใช้ไม่หมดควรทิ้งไปเลยไม่ควรนำมาใช้ต่อ
หากช่องคลอดแห้งมากอาจใช้ทุกวัน หรือวันเว้นวันในระยะแรกเพื่อปรับสภาพความชุ่มชื้นในช่องคลอด เมื่อรู้สึกว่าช่องคลอดมีความชุ่มชื้นแล้วสามารถปรับเว้นระยะห่างในการใช้งานได้
จากผลการศึกษาพบว่า หลังจากใช้รีเจล อาการช่องคลอดแห้งจะดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่ความรุนแรงของอาการในแต่ละคนด้วยค่ะ
นอกจากนี้ Regelle ยังมีผลการศึกษาการรักษาภาวะช่องคลอดแห้งในกลุ่มตัวอย่างอีก 2 กรณี ดังนี้ 1. การศึกษาเปรียบเทียบการรักษาภาวะช่องคลอดแห้งด้วย Regelle กับ Premarin cream (ฮอร์โมนทดแทน)
ทั้งกลุ่มที่รักษาด้วย Regelle และ Premarin cream (ฮอร์โมนทดแทน) ผลการศึกษาพบว่าความสมดุลกรด-ด่างของช่องคลอดกลับมาเหมือนเมื่อครั้งยังมีประจำเดือนภายในสัปดาห์ที่ 4 หลังใช้
ทั้งกลุ่มที่รักษาด้วย Regelle และ Premarin cream (ฮอร์โมนทดแทน) ผลการศึกษาพบว่าความชุ่มชื้นและปริมาณน้ำในช่องคลอดเพิ่มขึ้นภายในสัปดาห์ที่ 4 หลังใช้
ความยืดหยุ่นของช่องคลอด (Vaginal elasticity) ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่รักษาด้วย Premarin cream (ฮอร์โมนทดแทน) ความยืดหยุ่นของช่องคลอดดีขึ้นภายในสัปดาห์ที่ 4 ส่วนกลุ่มที่รักษาด้วย Regelle ความยืดหยุ่นของช่องคลอดดีขึ้นภายในสัปดาห์ที่ 12
ผลจากการตรวจ PAP smear (ตรวจลักษณะเนื้อเยื่อช่องคลอด) พบว่ากลุ่มที่รักษาด้วย Premarin cream (ฮอร์โมนทดแทน) ปัญหาภาวะช่องคลอดแห้งดีขึ้น และกลับมาเป็นปกติ 100% ส่วนกลุ่มที่รักษาด้วย Regelle ปัญหาภาวะช่องคลอดแห้งดีขึ้น และกลับมาเป็นปกติ ในระยะเวลา 12 สัปดาห์
2. การศึกษาทางการแพทย์เกี่ยวกับการใช้สารที่ไม่ใช้ฮอร์โมนในการรักษาภาวะช่องคลอดแห้ง (Bachmann et al (1992))
· ศึกษาในสตรีวัยทองที่หมดประจำเดือน 1 ปี และมีอาการภาวะช่องคลอดแห้ง ผลการศึกษาพบว่า Regelle สามารถช่วยให้ความแข็งแรงของเยื่อบุช่องคลอด (Vaginal epithelial integrity), ค่า pH ของช่องคลอด และความชุ่มชื้นของช่องคลอดดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติตั้งแต่วันที่ 16 ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ และดรรชนีสุขภาพช่องคลอดโดยรวมก็ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
กล่าวโดยสรุป
ภาวะช่องคลอดแห้ง เป็นภาวะที่พบได้ในหญิงแทบทุกวัย โดยเฉพาะคุณแม่ช่วงให้นม ที่มีระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดต่ำลง ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของตัวคุณแม่เอง รวมถึงอาจส่งผลถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวด้วย การรักษาภาวะช่องคลอดแห้งมีหลายวิธีทั้งใช้ยาและไม่ใช้ยา การใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ช่องคลอดจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่สะดวกและปลอดภัยค่ะ
คุณแม่ท่านไหนสนใจผลิตภัณฑ์ Regelle สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมสั่งซื้อได้ที่
Line : @regelle
Website : www.regelleth.com
หรือ ตามร้านขายยา ร้าน Boots โรงพยาบาลรัฐและเอกชนชั้นนำ และโรงพยาบาลในมหาวิทยาลัยแพทย์ทุกแห่ง ค่ะ
เขียนโดย
พญ. ทานตะวัน จอมขวัญใจ หมอหน่อย (Tantawan Jomkwanjai.MD)
ได้รับการสนับสนุนบทความโดย
ผลิตภัณฑ์ Regelle
#ภาวะช่องคลอดแห้ง #รักษาภาวะช่องคลอดแห้ง #อาการช่องคลอดแห้ง
Comments